โรคหัวใจในผู้สูงอายุ เข้าใจง่าย ดูแลได้ ป้องกันไม่ยาก
เมื่อเราอายุมากขึ้น หัวใจและหลอดเลือดของเราก็เสื่อมสภาพตามธรรมชาติ ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากขึ้น โรคหัวใจในผู้สูงอายุ หมายถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหัวใจและหลอดเลือดในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและสุขภาพโดยรวม ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรียบเรียงโดย นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
- โรคหัวใจ (Heart Disease)
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
- โรคต้อกระจก (Cataract)
- โรคต้อหิน (Glaucoma)
- โรคสมองเสื่อม (Dementia)
- โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ (Depression in the Elderly)
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease)
- โรคมะเร็ง (Cancer)
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจในผู้สูงอายุ
- อายุที่เพิ่มขึ้น การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดและหัวใจทำให้ความยืดหยุ่นลดลง และหลอดเลือดแดงแข็งตัวมากขึ้น
- โรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การไม่ออกกำลังกาย และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- ประวัติครอบครัว หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคหัวใจ ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้น
โรคหัวใจที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน เกิดจากการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบและเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
- โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Valve Stenosis) มักเกิดจากความเสื่อมตามอายุ ทำให้ลิ้นหัวใจหนาและเปิดได้น้อยลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
- ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ทำให้หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด
- ภาวะหัวใจเต้นช้า (Sick Sinus Syndrome) เกิดจากตัวกำหนดการเต้นของหัวใจเสื่อม ทำให้หัวใจเต้นช้าลง ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่ายหรือเป็นลม
- ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ
10 อาการและสัญญาณเตือนโรคหัวใจ
การรู้จักและเข้าใจสัญญาณเตือนของโรคหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที อาการที่ควรสังเกตมีดังนี้
เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก รู้สึกเจ็บหรือแน่นบริเวณหน้าอก อาจร้าวไปที่กราม แขน หรือไหล่
เหนื่อยง่าย รู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ แม้ทำกิจกรรมที่เคยทำได้สบายๆ
ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วหรือไม่สม่ำเสมอ
หน้ามืดหรือเป็นลม มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหมดสติ
นอนราบไม่ได้ รู้สึกอึดอัดหรือหายใจลำบากเมื่อนอนราบ
ขาบวมทั้งสองข้าง สังเกตว่าขาหรือข้อเท้าบวมผิดปกติ
อ่อนเพลีย รู้สึกอ่อนแรงหรือไม่มีแรง
ไอเรื้อรังแห้งๆ มีอาการไอแห้งๆ ต่อเนื่อง
หายใจถี่หรือหายใจไม่อิ่ม รู้สึกหายใจไม่เต็มที่หรือหายใจลำบาก
หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเต้นช้าหรือเร็วกว่าปกติ
อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น ไม่มีแรง
อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจหรือภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Tachycardia) ซึ่งหัวใจเต้นเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที
หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย เกิดจากอะไร?
หัวใจเต้นเร็วและเหนื่อยง่ายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การออกกำลังกาย ความเครียด การดื่มคาเฟอีนมากเกินไป หรือภาวะทางการแพทย์ เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) หรือโรคปอดบวม
หัวใจเต้นช้าอันตรายไหม?
หัวใจเต้นช้า (Bradycardia) คืออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที ในบางคนอาจไม่มีอาการหรือไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการร่วม เช่น เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หรือเป็นลม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและคำแนะนำที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพหัวใจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใส่ใจสัญญาณเตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็สามารถป้องกันโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของโรคหัวใจ
การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีชีวิตที่แข็งแรงและยืนยาว การเข้าใจปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของโรคหัวใจจะช่วยให้เราป้องกันและดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
สาเหตุของโรคหัวใจในผู้สูงอายุ
เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดแดงของเรามีแนวโน้มที่จะแข็งตัวและตีบแคบลง ซึ่งเป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพตามอายุ นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ก็เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหัวใจ
โรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
ความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือเป็นลม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาหัวใจหรือระบบไหลเวียนโลหิต
หัวใจเต้นเร็ว (ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ) เกิดขึ้นเมื่อหัวใจเต้นเร็วเกินไป อาจทำให้รู้สึกใจสั่น เหนื่อยง่าย หรือหายใจไม่อิ่ม
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะหัวใจล้มเหลวเกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ การสะสมของไขมันในหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ
ความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อหัวใจ
โรคลิ้นหัวใจ ความผิดปกติของลิ้นหัวใจทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่เป็นปกติ และเพิ่มภาระงานของหัวใจ
การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลวได้
ตรวจหัวใจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์เป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสภาพหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างแม่นยำ
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography: EKG, ECG) เป็นการบันทึกกิจกรรมไฟฟ้าของหัวใจ เพื่อประเมินจังหวะการเต้นและตรวจหาความผิดปกติ
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram: Echo) ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของหัวใจ เพื่อดูการเคลื่อนไหว การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และการทำงานของลิ้นหัวใจ
- การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) ประเมินการตอบสนองของหัวใจต่อการออกกำลังกาย เพื่อวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
การฉีดสีสวนหัวใจในผู้สูงอายุ
การฉีดสีสวนหัวใจ หรือ Coronary Angiogram (CAG) เป็นการตรวจที่ใช้สายสวนขนาดเล็กสอดเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ข้อมือหรือขาหนีบ แล้วฉีดสารทึบรังสีเพื่อดูภาพหลอดเลือดหัวใจ วิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจหาการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดหัวใจได้อย่างชัดเจน
วิธีสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจ
หาจุดชีพจร ใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางวางบนข้อมือด้านใน ใต้โคนหัวแม่มือ หรือที่ด้านข้างของลำคอใต้กราม
นับจังหวะการเต้น นับจำนวนครั้งที่รู้สึกถึงการเต้นของชีพจรในเวลา 15 วินาที
คำนวณอัตราการเต้นของหัวใจ นำจำนวนที่นับได้คูณด้วย 4 จะได้อัตราการเต้นของหัวใจต่อนาที
อัตราการเต้นของหัวใจปกติสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที หากพบว่ามีอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์และการสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจด้วยตนเองเป็นวิธีที่ช่วยให้เรารู้เท่าทันสุขภาพหัวใจของเรา หากมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและคำแนะนำที่เหมาะสม
รักษาและดูแลสุขภาพหัวใจในผู้สูงอายุ
การรักษาโรคหัวใจมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของโรค
การรักษาโรคหัวใจ
การใช้ยา แพทย์อาจสั่งยาหลายประเภทเพื่อจัดการกับโรคหัวใจ เช่น
ยาลดความดันโลหิต ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
ยาลดไขมันในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไม่ดีในเลือด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่อาจอุดตันหลอดเลือดหัวใจ
การทำหัตถการ ในบางกรณีที่การใช้ยาไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำหัตถการ เช่น
การขยายหลอดเลือดหัวใจ (Angioplasty) ใช้บอลลูนหรือขดลวดเพื่อเปิดหลอดเลือดที่ตีบ
การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Bypass Surgery) สร้างทางเบี่ยงใหม่เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น
แนวทางการดูแลสุขภาพหัวใจสำหรับผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุสามารถดูแลสุขภาพหัวใจได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ โซเดียมต่ำ และมีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และปลา
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือรำไทเก็ก อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
จัดการความเครียด ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง หรือพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอล์สามารถทำลายหัวใจและหลอดเลือดได้
ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจหาความผิดปกติและป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่ระยะแรก
อาหารและพฤติกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยง
ลดการบริโภคเกลือและน้ำตาล การบริโภคเกลือและน้ำตาลมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารแปรรูปมักมีไขมันทรานส์และสารกันเสียที่ไม่ดีต่อหัวใจ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี
รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำหนักเกินเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับโรคหัวใจในผู้สูงอายุ
โรคหัวใจรักษาหายไหม?
โรคหัวใจสามารถรักษาได้ โดยผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของโรค หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสในการฟื้นตัวจะสูงขึ้น การรักษาอาจประกอบด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา การทำหัตถการ เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน หรือการผ่าตัดบายพาส
คนเป็นโรคหัวใจอายุยืนไหม?
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจสามารถมีอายุยืนยาวได้ หากได้รับการรักษาและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การรับประทานยาอย่างเคร่งครัด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการจัดการความเครียด จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้ที่ NeedNurseGroup โทร. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NeedNurse
ชีพจรปกติของผู้สูงอายุควรเป็นเท่าไร?
อัตราการเต้นของหัวใจปกติสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงผู้สูงอายุ จะอยู่ที่ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที อย่างไรก็ตาม อัตราการเต้นของหัวใจอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามระดับความฟิตของร่างกายและปัจจัยอื่น ๆ หากมีอัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำหรือสูงกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม