โรคต้อหินในผู้สูงอายุ (Glaucoma) คืออะไร?

    โรคต้อหิน (Glaucoma) คือกลุ่มของโรคตาที่มีลักษณะสำคัญคือ ความดันลูกตาสูงผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อเส้นประสาทตา (optic nerve) ทำให้เกิดการเสื่อมลงเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรหรือตาบอดได้

ความหมายของโรคต้อหิน

ต้อหินไม่ใช่เพียงแค่ “ตาเป็นฝ้า” หรือ “มองไม่ชัด” แต่เป็นโรคที่ส่งผลโดยตรงต่อ ประสาทตา โดยมักเกิดจากการระบายของน้ำในลูกตาผิดปกติ ทำให้ความดันภายในลูกตา (Intraocular Pressure – IOP) เพิ่มสูงขึ้น แล้วไปกดทับเส้นประสาทตาอย่างต่อเนื่อง

ในผู้สูงอายุ เส้นประสาทตาจะมีความเปราะบางมากขึ้น ทำให้ไวต่อความดันตาที่สูง แม้จะไม่เกินค่ามาตรฐานก็ตาม (Mayo Clinic. Glaucoma. 2023)

สาเหตุที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

  • การเสื่อมของระบบระบายน้ำในตา: ทำให้น้ำในตาคั่งและความดันตาเพิ่ม

  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง

  • พันธุกรรม: มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน

  • การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน

  • การบาดเจ็บที่ตา หรือเคยผ่าตัดตามาก่อน

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก American Academy of Ophthalmology (AAO). Understanding Glaucoma. [2022]

ประเภทของต้อหินที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

  1. Primary Open-Angle Glaucoma (POAG)

    • พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ

    • ความดันตาสูงแบบค่อยเป็นค่อยไป

    • แทบไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก

    • การมองเห็นค่อย ๆ แคบลงจากขอบตา (Peripheral Vision Loss)

    • ต้องตรวจตาเป็นประจำเพื่อตรวจพบ

  2. Acute Angle-Closure Glaucoma

    • เกิดเฉียบพลัน อาการรุนแรง เช่น ปวดตา ตาแดง เห็นแสงรุ้ง คลื่นไส้

    • ต้องรักษาเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียการมองเห็นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก National Eye Institute (NEI), Glaucoma Facts & Statistics. [2023]

สาระบัญ

อาการต้อหินที่ควรสังเกตในผู้สูงอายุ

โรคต้อหินในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะประเภท ต้อหินชนิดเรื้อรัง (Primary Open-Angle Glaucoma) มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายคนไม่รู้ว่ากำลังสูญเสียการมองเห็นอย่างช้า ๆ

สัญญาณที่ควรระวังได้แก่

    • มองเห็นด้านข้าง (ขอบตา) ลดลงทีละน้อย

    • ปรับสายตาไม่ทันเมื่อเปลี่ยนแสง

    • รู้สึกล้าเมื่อต้องใช้สายตานาน ๆ

    • มองเห็นในที่มืดได้น้อยลง

ผู้ป่วยจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่า “ตาฟางเพราะแก่” ทั้งที่เป็นอาการของ ต้อหิน

อ้างอิง National Eye Institute. “Facts About Glaucoma.” [2023]

ความแตกต่างระหว่างอาการ เฉียบพลัน และ เรื้อรัง

ประเภทลักษณะอาการระยะการเกิดการรักษา
ต้อหินเรื้อรัง (POAG)ไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก, มองภาพแคบลงเรื่อย ๆค่อยเป็นค่อยไปใช้ยาหยอดตาและตรวจติดตามระยะยาว
ต้อหินเฉียบพลัน (Angle Closure Glaucoma)ปวดตาอย่างรุนแรง, ตาแดง, เห็นแสงรุ้ง, คลื่นไส้, ตามัวทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมงรักษาเร่งด่วนด้วยยา เลเซอร์ หรือผ่าตัด

American Academy of Ophthalmology (AAO). “Types of Glaucoma.” [2022]

เคสตัวอย่าง ผู้สูงอายุที่มองไม่เห็นเฉียบพลัน

“คุณสมบัติ อายุ 68 ปี มีประวัติปวดศีรษะ ปวดตา และเห็นแสงคล้ายรุ้งขณะดูโทรทัศน์ในห้องมืด คืนหนึ่งตามัวลงกระทันหันและปวดรุนแรงจนต้องไปฉุกเฉิน”

“ผลตรวจพบว่าเป็น ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน ความดันตาเกิน 50 mmHg ต้องรักษาโดยการหยอดยาลดความดันตาทันที และเข้ารับการยิงเลเซอร์เพื่อเปิดทางระบายน้ำภายในลูกตา”

กรณีศึกษาโดย Glaucoma Research Foundation. “Acute Angle Closure Glaucoma Stories.” [2023]

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของต้อหินในผู้สูงอายุ

ภายในลูกตาของเรามีน้ำใสที่เรียกว่า น้ำในลูกตา (Aqueous humor) ซึ่งจะหมุนเวียนเพื่อหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยปกติจะมีระบบระบายออกเพื่อรักษาความดันภายในตาให้สมดุล หากเกิดการระบายผิดปกติ น้ำจะคั่งและทำให้ความดันในตา (Intraocular Pressure – IOP) สูงขึ้น

ผลกระทบ: ความดันที่สูงจะไปกดเบียด เส้นประสาทตา (optic nerve) ทำให้เกิดการเสื่อมและสูญเสียการมองเห็นในที่สุด โดยเฉพาะการมองเห็นรอบข้าง

ค่าความดันตาปกติอยู่ที่ประมาณ 10–21 mmHg หากเกินจากนี้ควรเฝ้าระวัง

National Eye Institute (NEI). “Glaucoma: What is Eye Pressure?” [2023]

พฤติกรรมหรือโรคประจำตัวที่เพิ่มความเสี่ยง

ผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมหรือลักษณะดังต่อไปนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นต้อหิน

  • โรคเบาหวาน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่ดีในเส้นประสาทตา

  • ความดันโลหิตสูง เพิ่มโอกาสการเสื่อมของระบบหลอดเลือดในตา

  • ใช้ยาสเตียรอยด์นาน ๆ เช่น ยาหยอดหรือยาทาผิว

  • มีประวัติอุบัติเหตุทางตา หรือเคยผ่าตัดตามาก่อน

  • สายตาสั้นหรือยาวมากผิดปกติ ส่งผลต่อโครงสร้างลูกตา

American Academy of Ophthalmology (AAO). “Glaucoma Risk Factors.” [2022]

ปัจจัยทางพันธุกรรมและอายุ

  • อายุที่มากขึ้น หลังอายุ 60 ปี ความเสื่อมของระบบระบายน้ำในตาจะชัดเจนขึ้น

  • พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นต้อหิน จะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไป 4–9 เท่า

  • เชื้อชาติ คนเอเชียมีแนวโน้มเป็นต้อหินมุมปิดเฉียบพลันมากกว่าคนยุโรป

Glaucoma Research Foundation. “Glaucoma Risk Factors.” [2023]

หมายเหตุ แล้ว “หินปูนในตา” เกี่ยวข้องหรือไม่?

คำว่า “หินปูนในตา” ไม่ใช่คำทางการแพทย์สำหรับต้อหินโดยตรง แต่ประชาชนบางกลุ่มเข้าใจผิดว่าอาการมัวหรือฝ้าที่เกิดจากต้อหินมาจาก “หินปูน” ซึ่งจริง ๆ แล้วเกิดจากความดันตาสูงที่กดทับเส้นประสาทตา ไม่ใช่การจับตัวของแคลเซียมหรือคราบปูนแต่อย่างใด

วิธีวินิจฉัยและการตรวจหาที่คุณควรรู้

ความดันภายในลูกตาหรือ Intraocular Pressure (IOP) คือค่าที่บ่งบอกระดับแรงดันของของเหลวในลูกตา ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของโรคต้อหิน

การตรวจวัดมีหลายวิธี เช่น

    • การเป่าลม (Non-contact Tonometry) ใช้ลมเบาเป่าที่กระจกตาเพื่อประเมินแรงดัน

    • การใช้เครื่อง Goldmann Applanation Tonometry เป็นวิธีมาตรฐานในโรงพยาบาล ใช้สัมผัสกระจกตาโดยตรง

ค่าปกติของ IOP คือ 10–21 mmHg หากเกินจากนี้ มีความเสี่ยงต่อเส้นประสาทตา

American Optometric Association. “Intraocular Pressure.” [2023]

การถ่ายภาพ OCT และการตรวจลานสายตา

1. OCT (Optical Coherence Tomography) คืออะไร?

OCT คือการถ่ายภาพตัดขวางของจอประสาทตาและเส้นประสาทตาด้วยแสงเลเซอร์ความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์เห็นโครงสร้างภายในตาแบบ 3 มิติ เพื่อระบุจุดที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย

2. ตรวจลานสายตา (Visual Field Test)

การตรวจนี้ใช้วัดขอบเขตการมองเห็นของผู้ป่วย โดยเฉพาะ มุมมองด้านข้าง (Peripheral Vision) ซึ่งเป็นส่วนที่มักเสียหายก่อนในผู้ที่เป็นต้อหิน

การตรวจสองอย่างนี้ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยต้อหินได้แม้ในระยะแรก ซึ่งผู้ป่วยยังไม่มีอาการชัดเจน

National Eye Institute (NEI). “Glaucoma Diagnosis and Monitoring.” [2023]

ความถี่ในการตรวจต้อหินสำหรับผู้สูงอายุ

  • อายุ 40–54 ปี ควรตรวจทุก 2–4 ปี

  • อายุ 55–64 ปี ควรตรวจทุก 1–3 ปี

  • อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกปี หรือถี่กว่านั้นหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน

Glaucoma Research Foundation. “How Often Should I Get My Eyes Checked?” [2023]

การรักษาต้อหินในผู้สูงอายุ

โรคต้อหินในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสายตา การรักษามีหลายวิธี ทั้งการใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ และการผ่าตัด ซึ่งจักษุแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมโรคและรักษาสายตาให้ดีที่สุด

การใช้ยาหยอดตาและผลข้างเคียงที่ควรระวัง

ยาหยอดตา เป็นวิธีรักษาหลักของต้อหินเรื้อรัง โดยมีหน้าที่ลดความดันในลูกตา เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นประสาทตาถูกทำลายเพิ่ม

กลุ่มยาหลักที่ใช้ ได้แก่

    • Prostaglandin analogs ช่วยเพิ่มการระบายของเหลวในตา เช่น Latanoprost

    • Beta-blockers ลดการสร้างน้ำในตา เช่น Timolol

    • Alpha agonists, Carbonic anhydrase inhibitors, และ Rho kinase inhibitors ก็อาจใช้ร่วมกันในบางราย

ผลข้างเคียงที่ควรเฝ้าระวังในผู้สูงอายุ

  • แสบตา ตาแดง คันตา

  • ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า (โดยเฉพาะจาก beta-blockers)

  • ผิวหนังรอบตาคล้ำหรือขนตายาวผิดปกติ (จาก prostaglandin analogs)

ผู้สูงอายุควรได้รับการประเมินโดยจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะผลข้างเคียงอาจรบกวนสุขภาพโดยรวม

Mayo Clinic. “Glaucoma Treatments and Drugs.” [2023]

การผ่าตัดและเลเซอร์รักษาต้อหิน

หากการใช้ยาไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ แพทย์จะพิจารณา การรักษาทางหัตถการ ดังนี้

เลเซอร์รักษา (Laser Trabeculoplasty)

  • ใช้สำหรับต้อหินชนิดเปิดมุม

  • เป็นการยิงเลเซอร์เพื่อเปิดรูระบายในระบบระบายน้ำในตา

  • ไม่เจ็บ ใช้เวลาน้อย และทำแบบผู้ป่วยนอก

การผ่าตัด (Trabeculectomy หรือการใส่ท่อระบายน้ำ)

  • ใช้ในรายที่รักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สำเร็จ

  • แพทย์จะสร้างช่องทางระบายน้ำในลูกตาใหม่

  • ฟื้นตัวภายใน 1–2 เดือน

American Academy of Ophthalmology. “Surgical Options for Glaucoma.” [2022]

แนวทางการดูแลหลังการรักษา

หลังรักษาต้อหิน ไม่ว่าจะด้วยยา เลเซอร์ หรือการผ่าตัด ผู้สูงอายุต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

แนวทางที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

    • หยอดตาตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ

    • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือกิจกรรมที่เพิ่มความดันในตา

    • เข้ารับการตรวจติดตามผลทุก 3–6 เดือน

    • หากสังเกตเห็นอาการใหม่ เช่น ตามัว ปวดตา ควรพบแพทย์ทันที

Glaucoma Research Foundation. “Living with Glaucoma.” [2023]

การป้องกันและการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นต้อหิน

การป้องกันและดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นต้อหินนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสายตาและคุณภาพชีวิตที่ดี การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำกับจักษุแพทย์ การควบคุมปัจจัยเสี่ยง การใช้ยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และการดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยชะลอการลุกลามของโรคและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นได้

อาหารที่ช่วยลดความดันลูกตา

แม้ยังไม่มีอาหารชนิดใดที่ “รักษา” ต้อหินได้โดยตรง แต่มีงานวิจัยหลายฉบับพบว่า การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ สามารถช่วยควบคุมความดันตาได้

อาหารแนะนำ ได้แก่

    • ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม – ช่วยปรับสมดุลไนตริกออกไซด์ในเลือด

    • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ – ต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการเสื่อมของเส้นประสาทตา

    • ปลาที่มีโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน – บำรุงการไหลเวียนเลือดในจอประสาทตา

    • ชาเขียว – มีสาร catechins ที่อาจลดการอักเสบในลูกตา

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง (ต้อหินห้ามกินอะไรบ้าง):

    • กาแฟหรือคาเฟอีนเกิน 3 แก้ว/วัน – เพิ่มความดันตา

    • อาหารเค็มจัด – เพิ่มความดันเลือดโดยรวม

    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดในตา

Glaucoma Research Foundation. “Nutrition and Glaucoma: Foods That May Help” [2023]

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

ผู้สูงอายุที่เป็นต้อหินควรปรับพฤติกรรมเพื่อลดความดันตาและป้องกันไม่ให้อาการทรุดลง

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

    • การก้มศีรษะนาน ๆ เช่น ขัดพื้น ยกของ

    • การกลั้นหายใจขณะออกแรง (Valsalva maneuver)

    • การใช้ยาสเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น

    • การสูบบุหรี่ – ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดตาและเส้นประสาท

    • การนอนคว่ำ – อาจเพิ่มความดันในตาขณะหลับ

American Academy of Ophthalmology (AAO). “Lifestyle and Glaucoma: Tips for Patients.” [2022]

การช่วยเหลือด้านการมองเห็นในชีวิตประจำวัน

เมื่อการมองเห็นลดลงจากต้อหิน การปรับสิ่งแวดล้อมและใช้เครื่องช่วยมองเห็นสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้ปลอดภัยมากขึ้น

แนวทางแนะนำ ได้แก่

  • ใช้ตัวหนังสือขนาดใหญ่ ทั้งในหนังสือ ป้าย หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ

  • ติดแสงสว่างให้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะทางเดินหรือบันได

  • ใช้แว่นขยาย หรือกล้องส่องอ่านหนังสือ (magnifiers)

  • จัดเฟอร์นิเจอร์ให้เดินสะดวก ไม่มีของเกะกะ

  • ติดกล้องวงจรปิดหรือแจ้งเตือนเสียงสำหรับเตาไฟ/ประตูบ้าน

National Eye Institute. “Low Vision: Coping with Visual Impairment” [2023]

การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินในแต่ละวัน

การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินในแต่ละวันนั้น ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อช่วยคงสภาพการมองเห็นและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียสายตา การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด การใช้ยาหยอดตาอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม และการดูแลสุขภาพโดยรวม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ

แนะนำบริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะการมองเห็นผิดปกติ

ผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินมักเผชิญกับการมองเห็นด้านข้างที่ลดลง และความสามารถในการปรับสายตาในที่แสงน้อย ทำให้เสี่ยงต่อการหกล้มและอุบัติเหตุในบ้าน

บริการดูแลที่เหมาะสม ได้แก่

    • ผู้ดูแลผู้สูงอายุเฉพาะทางด้านสายตา (Vision-trained caregiver)

      • ดูแลเรื่องการใช้ยาหยอดตา

      • ช่วยอ่านเอกสารหรือสื่อสารข้อมูลสำคัญ

      • พาผู้สูงอายุเดินอย่างปลอดภัยในบ้านหรือสถานที่สาธารณะ

    • บริการประเมินความปลอดภัยในบ้าน

      • ปรับแสงสว่าง พื้นทางเดิน และเฟอร์นิเจอร์ให้ปลอดภัย

      • ติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนเสียงและแสง

Glaucoma Research Foundation. “Caring for a Loved One with Glaucoma.” [2023]

กรมการแพทย์ – ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร

เทคนิคช่วยผู้สูงวัยใช้ชีวิตง่ายขึ้น

การปรับสิ่งแวดล้อมและการสื่อสารมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาต้อหินใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ

เทคนิคสำคัญ

    • ใช้ป้ายขนาดใหญ่ มีอักษรชัด สีตัดพื้นหลัง เช่น ป้าย “ห้องน้ำ” หรือ “เตาแก๊ส”

    • เพิ่มแสงสว่างในบ้าน โดยเฉพาะบริเวณที่เปลี่ยนระดับ เช่น บันได ห้องน้ำ

    • จัดของให้เป็นระเบียบ ไม่ให้เกะกะทางเดิน

    • ใช้เสียงช่วยจำ เช่น นาฬิกาพูดได้, ลำโพงเตือนหยอดตา

    • วางของใช้ในตำแหน่งเดิมเสมอ เพื่อให้จดจำง่ายโดยไม่ต้องพึ่งสายตามาก

National Eye Institute. “Living with Low Vision: Tips for Everyday Life.” [2023]

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับโรคต้อหิน

ต้อหินทำให้ตาบอดจริงหรือไม่?

ใช่ ต้อหินสามารถทำให้ตาบอดได้ถ้าไม่รักษา

ต้อหินเป็นสาเหตุหลักอันดับ 2 ของการตาบอดถาวรในผู้สูงอายุทั่วโลก โดยเกิดจากความดันลูกตาที่สูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำลายเส้นประสาทตาแบบค่อยเป็นค่อยไป หากไม่ตรวจพบหรือรักษาทันเวลา จะเริ่มจาก การมองเห็นรอบข้างลดลง (Peripheral Vision Loss) และขยายเข้าไปสู่จุดกลางจนไม่สามารถมองเห็นได้เลย

🧠 ความเสียหายจากต้อหินไม่สามารถฟื้นฟูได้ แต่สามารถ ชะลอการลุกลาม ได้หากรักษาแต่เนิ่น ๆ

Glaucoma Research Foundation. “Can Glaucoma Cause Blindness?” [2023]

รายการเปรียบเทียบต้อหินต้อกระจก
สาเหตุหลักความดันตาสูง กดเส้นประสาทตาเลนส์แก้วตาขุ่นจากการเสื่อมตามอายุ
อาการหลักมองเห็นขอบตาแคบลง, อาจไม่มีอาการในระยะแรกมองมัว, มองเหมือนมีหมอก, แพ้แสง
การรักษายาหยอดตา, เลเซอร์, ผ่าตัดเปิดทางระบายน้ำผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์เทียม (แก้ได้ 100%)
ตาบอดถาวรใช่ ถ้าไม่ได้รับการรักษาไม่ ถ้าผ่าตัดอย่างเหมาะสม

American Academy of Ophthalmology. “What’s the Difference Between Glaucoma and Cataracts?” [2022]

แม้ไม่สามารถมองเห็นต้อหินจากภายนอกได้เหมือนต้อกระจก แต่การเปลี่ยนแปลงการมองเห็นสามารถอธิบายผ่านภาพจำลองดังนี้

  1. ระยะเริ่มต้น มองเห็นปกติ แต่เสียการมองด้านข้างโดยไม่รู้ตัว

  2. ระยะกลาง ขอบภาพเบลอ คล้ายมองผ่านท่อ หรือเห็นเฉพาะตรงกลาง

  3. ระยะรุนแรง มองเห็นเพียงบางส่วนหรือเฉพาะตรงกลางเล็กน้อย

  4. ระยะสุดท้าย: ตาบอดถาวร แม้จุดกลางภาพจะเคยชัดมาก่อน

National Eye Institute. “What You See with Glaucoma.” [2023]

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้ที่ NeedNurseGroup โทร. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NeedNurse

Nicha
เมื่อคนที่คุณรักต้องการการดูแลที่ดีที่สุด แต่คุณเองก็ต้องการความสบายใจ Need ผู้ดูแล ... นึกถึง Need Nurse เพราะเราคือคำตอบของความอุ่นใจและการดูแลที่คุณวางใจได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า