โรคต้อหินในผู้สูงอายุ (Glaucoma) คืออะไร?
โรคต้อหิน (Glaucoma) คือกลุ่มของโรคตาที่มีลักษณะสำคัญคือ ความดันลูกตาสูงผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อเส้นประสาทตา (optic nerve) ทำให้เกิดการเสื่อมลงเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรหรือตาบอดได้
ความหมายของโรคต้อหิน
ต้อหินไม่ใช่เพียงแค่ “ตาเป็นฝ้า” หรือ “มองไม่ชัด” แต่เป็นโรคที่ส่งผลโดยตรงต่อ ประสาทตา โดยมักเกิดจากการระบายของน้ำในลูกตาผิดปกติ ทำให้ความดันภายในลูกตา (Intraocular Pressure – IOP) เพิ่มสูงขึ้น แล้วไปกดทับเส้นประสาทตาอย่างต่อเนื่อง
ในผู้สูงอายุ เส้นประสาทตาจะมีความเปราะบางมากขึ้น ทำให้ไวต่อความดันตาที่สูง แม้จะไม่เกินค่ามาตรฐานก็ตาม (Mayo Clinic. Glaucoma. 2023)
สาเหตุที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
การเสื่อมของระบบระบายน้ำในตา: ทำให้น้ำในตาคั่งและความดันตาเพิ่ม
โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
พันธุกรรม: มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
การบาดเจ็บที่ตา หรือเคยผ่าตัดตามาก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก American Academy of Ophthalmology (AAO). Understanding Glaucoma. [2022]
ประเภทของต้อหินที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
Primary Open-Angle Glaucoma (POAG)
พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ
ความดันตาสูงแบบค่อยเป็นค่อยไป
แทบไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก
การมองเห็นค่อย ๆ แคบลงจากขอบตา (Peripheral Vision Loss)
ต้องตรวจตาเป็นประจำเพื่อตรวจพบ
Acute Angle-Closure Glaucoma
เกิดเฉียบพลัน อาการรุนแรง เช่น ปวดตา ตาแดง เห็นแสงรุ้ง คลื่นไส้
ต้องรักษาเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียการมองเห็นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก National Eye Institute (NEI), Glaucoma Facts & Statistics. [2023]
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
- โรคหัวใจ (Heart Disease)
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
- โรคต้อกระจก (Cataract)
- โรคต้อหิน (Glaucoma)
- โรคสมองเสื่อม (Dementia)
- โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ (Depression in the Elderly)
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease)
- โรคมะเร็ง (Cancer)
อาการต้อหินที่ควรสังเกตในผู้สูงอายุ
โรคต้อหินในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะประเภท ต้อหินชนิดเรื้อรัง (Primary Open-Angle Glaucoma) มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายคนไม่รู้ว่ากำลังสูญเสียการมองเห็นอย่างช้า ๆ
สัญญาณที่ควรระวังได้แก่
มองเห็นด้านข้าง (ขอบตา) ลดลงทีละน้อย
ปรับสายตาไม่ทันเมื่อเปลี่ยนแสง
รู้สึกล้าเมื่อต้องใช้สายตานาน ๆ
มองเห็นในที่มืดได้น้อยลง
ผู้ป่วยจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่า “ตาฟางเพราะแก่” ทั้งที่เป็นอาการของ ต้อหิน
อ้างอิง National Eye Institute. “Facts About Glaucoma.” [2023]
ความแตกต่างระหว่างอาการ เฉียบพลัน และ เรื้อรัง
ประเภท | ลักษณะอาการ | ระยะการเกิด | การรักษา |
---|---|---|---|
ต้อหินเรื้อรัง (POAG) | ไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก, มองภาพแคบลงเรื่อย ๆ | ค่อยเป็นค่อยไป | ใช้ยาหยอดตาและตรวจติดตามระยะยาว |
ต้อหินเฉียบพลัน (Angle Closure Glaucoma) | ปวดตาอย่างรุนแรง, ตาแดง, เห็นแสงรุ้ง, คลื่นไส้, ตามัวทันที | ภายในไม่กี่ชั่วโมง | รักษาเร่งด่วนด้วยยา เลเซอร์ หรือผ่าตัด |
American Academy of Ophthalmology (AAO). “Types of Glaucoma.” [2022]
เคสตัวอย่าง ผู้สูงอายุที่มองไม่เห็นเฉียบพลัน
“คุณสมบัติ อายุ 68 ปี มีประวัติปวดศีรษะ ปวดตา และเห็นแสงคล้ายรุ้งขณะดูโทรทัศน์ในห้องมืด คืนหนึ่งตามัวลงกระทันหันและปวดรุนแรงจนต้องไปฉุกเฉิน”
“ผลตรวจพบว่าเป็น ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน ความดันตาเกิน 50 mmHg ต้องรักษาโดยการหยอดยาลดความดันตาทันที และเข้ารับการยิงเลเซอร์เพื่อเปิดทางระบายน้ำภายในลูกตา”
กรณีศึกษาโดย Glaucoma Research Foundation. “Acute Angle Closure Glaucoma Stories.” [2023]
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของต้อหินในผู้สูงอายุ
ภายในลูกตาของเรามีน้ำใสที่เรียกว่า “น้ำในลูกตา” (Aqueous humor) ซึ่งจะหมุนเวียนเพื่อหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยปกติจะมีระบบระบายออกเพื่อรักษาความดันภายในตาให้สมดุล หากเกิดการระบายผิดปกติ น้ำจะคั่งและทำให้ความดันในตา (Intraocular Pressure – IOP) สูงขึ้น
ผลกระทบ: ความดันที่สูงจะไปกดเบียด เส้นประสาทตา (optic nerve) ทำให้เกิดการเสื่อมและสูญเสียการมองเห็นในที่สุด โดยเฉพาะการมองเห็นรอบข้าง
ค่าความดันตาปกติอยู่ที่ประมาณ 10–21 mmHg หากเกินจากนี้ควรเฝ้าระวัง
National Eye Institute (NEI). “Glaucoma: What is Eye Pressure?” [2023]
พฤติกรรมหรือโรคประจำตัวที่เพิ่มความเสี่ยง
ผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมหรือลักษณะดังต่อไปนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นต้อหิน
โรคเบาหวาน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่ดีในเส้นประสาทตา
ความดันโลหิตสูง เพิ่มโอกาสการเสื่อมของระบบหลอดเลือดในตา
ใช้ยาสเตียรอยด์นาน ๆ เช่น ยาหยอดหรือยาทาผิว
มีประวัติอุบัติเหตุทางตา หรือเคยผ่าตัดตามาก่อน
สายตาสั้นหรือยาวมากผิดปกติ ส่งผลต่อโครงสร้างลูกตา
American Academy of Ophthalmology (AAO). “Glaucoma Risk Factors.” [2022]
ปัจจัยทางพันธุกรรมและอายุ
อายุที่มากขึ้น หลังอายุ 60 ปี ความเสื่อมของระบบระบายน้ำในตาจะชัดเจนขึ้น
พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นต้อหิน จะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไป 4–9 เท่า
เชื้อชาติ คนเอเชียมีแนวโน้มเป็นต้อหินมุมปิดเฉียบพลันมากกว่าคนยุโรป
Glaucoma Research Foundation. “Glaucoma Risk Factors.” [2023]
หมายเหตุ แล้ว “หินปูนในตา” เกี่ยวข้องหรือไม่?
คำว่า “หินปูนในตา” ไม่ใช่คำทางการแพทย์สำหรับต้อหินโดยตรง แต่ประชาชนบางกลุ่มเข้าใจผิดว่าอาการมัวหรือฝ้าที่เกิดจากต้อหินมาจาก “หินปูน” ซึ่งจริง ๆ แล้วเกิดจากความดันตาสูงที่กดทับเส้นประสาทตา ไม่ใช่การจับตัวของแคลเซียมหรือคราบปูนแต่อย่างใด
วิธีวินิจฉัยและการตรวจหาที่คุณควรรู้
ความดันภายในลูกตาหรือ Intraocular Pressure (IOP) คือค่าที่บ่งบอกระดับแรงดันของของเหลวในลูกตา ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของโรคต้อหิน
การตรวจวัดมีหลายวิธี เช่น
การเป่าลม (Non-contact Tonometry) ใช้ลมเบาเป่าที่กระจกตาเพื่อประเมินแรงดัน
การใช้เครื่อง Goldmann Applanation Tonometry เป็นวิธีมาตรฐานในโรงพยาบาล ใช้สัมผัสกระจกตาโดยตรง
ค่าปกติของ IOP คือ 10–21 mmHg หากเกินจากนี้ มีความเสี่ยงต่อเส้นประสาทตา
American Optometric Association. “Intraocular Pressure.” [2023]
การถ่ายภาพ OCT และการตรวจลานสายตา
1. OCT (Optical Coherence Tomography) คืออะไร?
OCT คือการถ่ายภาพตัดขวางของจอประสาทตาและเส้นประสาทตาด้วยแสงเลเซอร์ความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์เห็นโครงสร้างภายในตาแบบ 3 มิติ เพื่อระบุจุดที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย
2. ตรวจลานสายตา (Visual Field Test)
การตรวจนี้ใช้วัดขอบเขตการมองเห็นของผู้ป่วย โดยเฉพาะ มุมมองด้านข้าง (Peripheral Vision) ซึ่งเป็นส่วนที่มักเสียหายก่อนในผู้ที่เป็นต้อหิน
การตรวจสองอย่างนี้ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยต้อหินได้แม้ในระยะแรก ซึ่งผู้ป่วยยังไม่มีอาการชัดเจน
National Eye Institute (NEI). “Glaucoma Diagnosis and Monitoring.” [2023]
ความถี่ในการตรวจต้อหินสำหรับผู้สูงอายุ
อายุ 40–54 ปี ควรตรวจทุก 2–4 ปี
อายุ 55–64 ปี ควรตรวจทุก 1–3 ปี
อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกปี หรือถี่กว่านั้นหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
Glaucoma Research Foundation. “How Often Should I Get My Eyes Checked?” [2023]
การรักษาต้อหินในผู้สูงอายุ
โรคต้อหินในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสายตา การรักษามีหลายวิธี ทั้งการใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ และการผ่าตัด ซึ่งจักษุแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมโรคและรักษาสายตาให้ดีที่สุด
การใช้ยาหยอดตาและผลข้างเคียงที่ควรระวัง
ยาหยอดตา เป็นวิธีรักษาหลักของต้อหินเรื้อรัง โดยมีหน้าที่ลดความดันในลูกตา เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นประสาทตาถูกทำลายเพิ่ม
กลุ่มยาหลักที่ใช้ ได้แก่
Prostaglandin analogs ช่วยเพิ่มการระบายของเหลวในตา เช่น Latanoprost
Beta-blockers ลดการสร้างน้ำในตา เช่น Timolol
Alpha agonists, Carbonic anhydrase inhibitors, และ Rho kinase inhibitors ก็อาจใช้ร่วมกันในบางราย
ผลข้างเคียงที่ควรเฝ้าระวังในผู้สูงอายุ
แสบตา ตาแดง คันตา
ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า (โดยเฉพาะจาก beta-blockers)
ผิวหนังรอบตาคล้ำหรือขนตายาวผิดปกติ (จาก prostaglandin analogs)
ผู้สูงอายุควรได้รับการประเมินโดยจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะผลข้างเคียงอาจรบกวนสุขภาพโดยรวม
Mayo Clinic. “Glaucoma Treatments and Drugs.” [2023]
การผ่าตัดและเลเซอร์รักษาต้อหิน
หากการใช้ยาไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ แพทย์จะพิจารณา การรักษาทางหัตถการ ดังนี้
เลเซอร์รักษา (Laser Trabeculoplasty)
ใช้สำหรับต้อหินชนิดเปิดมุม
เป็นการยิงเลเซอร์เพื่อเปิดรูระบายในระบบระบายน้ำในตา
ไม่เจ็บ ใช้เวลาน้อย และทำแบบผู้ป่วยนอก
การผ่าตัด (Trabeculectomy หรือการใส่ท่อระบายน้ำ)
ใช้ในรายที่รักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สำเร็จ
แพทย์จะสร้างช่องทางระบายน้ำในลูกตาใหม่
ฟื้นตัวภายใน 1–2 เดือน
American Academy of Ophthalmology. “Surgical Options for Glaucoma.” [2022]
แนวทางการดูแลหลังการรักษา
หลังรักษาต้อหิน ไม่ว่าจะด้วยยา เลเซอร์ หรือการผ่าตัด ผู้สูงอายุต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
แนวทางที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
หยอดตาตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือกิจกรรมที่เพิ่มความดันในตา
เข้ารับการตรวจติดตามผลทุก 3–6 เดือน
หากสังเกตเห็นอาการใหม่ เช่น ตามัว ปวดตา ควรพบแพทย์ทันที
Glaucoma Research Foundation. “Living with Glaucoma.” [2023]
การป้องกันและการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นต้อหิน
การป้องกันและดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นต้อหินนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสายตาและคุณภาพชีวิตที่ดี การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำกับจักษุแพทย์ การควบคุมปัจจัยเสี่ยง การใช้ยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และการดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยชะลอการลุกลามของโรคและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นได้
อาหารที่ช่วยลดความดันลูกตา
แม้ยังไม่มีอาหารชนิดใดที่ “รักษา” ต้อหินได้โดยตรง แต่มีงานวิจัยหลายฉบับพบว่า การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ สามารถช่วยควบคุมความดันตาได้
อาหารแนะนำ ได้แก่
ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม – ช่วยปรับสมดุลไนตริกออกไซด์ในเลือด
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ – ต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการเสื่อมของเส้นประสาทตา
ปลาที่มีโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน – บำรุงการไหลเวียนเลือดในจอประสาทตา
ชาเขียว – มีสาร catechins ที่อาจลดการอักเสบในลูกตา
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง (ต้อหินห้ามกินอะไรบ้าง):
กาแฟหรือคาเฟอีนเกิน 3 แก้ว/วัน – เพิ่มความดันตา
อาหารเค็มจัด – เพิ่มความดันเลือดโดยรวม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดในตา
Glaucoma Research Foundation. “Nutrition and Glaucoma: Foods That May Help” [2023]
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
ผู้สูงอายุที่เป็นต้อหินควรปรับพฤติกรรมเพื่อลดความดันตาและป้องกันไม่ให้อาการทรุดลง
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
การก้มศีรษะนาน ๆ เช่น ขัดพื้น ยกของ
การกลั้นหายใจขณะออกแรง (Valsalva maneuver)
การใช้ยาสเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น
การสูบบุหรี่ – ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดตาและเส้นประสาท
การนอนคว่ำ – อาจเพิ่มความดันในตาขณะหลับ
American Academy of Ophthalmology (AAO). “Lifestyle and Glaucoma: Tips for Patients.” [2022]
การช่วยเหลือด้านการมองเห็นในชีวิตประจำวัน
เมื่อการมองเห็นลดลงจากต้อหิน การปรับสิ่งแวดล้อมและใช้เครื่องช่วยมองเห็นสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้ปลอดภัยมากขึ้น
แนวทางแนะนำ ได้แก่
ใช้ตัวหนังสือขนาดใหญ่ ทั้งในหนังสือ ป้าย หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
ติดแสงสว่างให้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะทางเดินหรือบันได
ใช้แว่นขยาย หรือกล้องส่องอ่านหนังสือ (magnifiers)
จัดเฟอร์นิเจอร์ให้เดินสะดวก ไม่มีของเกะกะ
ติดกล้องวงจรปิดหรือแจ้งเตือนเสียงสำหรับเตาไฟ/ประตูบ้าน
National Eye Institute. “Low Vision: Coping with Visual Impairment” [2023]
การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินในแต่ละวัน
การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินในแต่ละวันนั้น ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อช่วยคงสภาพการมองเห็นและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียสายตา การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด การใช้ยาหยอดตาอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม และการดูแลสุขภาพโดยรวม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ
แนะนำบริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะการมองเห็นผิดปกติ
ผู้สูงอายุที่มีภาวะต้อหินมักเผชิญกับการมองเห็นด้านข้างที่ลดลง และความสามารถในการปรับสายตาในที่แสงน้อย ทำให้เสี่ยงต่อการหกล้มและอุบัติเหตุในบ้าน
บริการดูแลที่เหมาะสม ได้แก่
ผู้ดูแลผู้สูงอายุเฉพาะทางด้านสายตา (Vision-trained caregiver)
ดูแลเรื่องการใช้ยาหยอดตา
ช่วยอ่านเอกสารหรือสื่อสารข้อมูลสำคัญ
พาผู้สูงอายุเดินอย่างปลอดภัยในบ้านหรือสถานที่สาธารณะ
บริการประเมินความปลอดภัยในบ้าน
ปรับแสงสว่าง พื้นทางเดิน และเฟอร์นิเจอร์ให้ปลอดภัย
ติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนเสียงและแสง
Glaucoma Research Foundation. “Caring for a Loved One with Glaucoma.” [2023]
กรมการแพทย์ – ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร
เทคนิคช่วยผู้สูงวัยใช้ชีวิตง่ายขึ้น
การปรับสิ่งแวดล้อมและการสื่อสารมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาต้อหินใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ
เทคนิคสำคัญ
ใช้ป้ายขนาดใหญ่ มีอักษรชัด สีตัดพื้นหลัง เช่น ป้าย “ห้องน้ำ” หรือ “เตาแก๊ส”
เพิ่มแสงสว่างในบ้าน โดยเฉพาะบริเวณที่เปลี่ยนระดับ เช่น บันได ห้องน้ำ
จัดของให้เป็นระเบียบ ไม่ให้เกะกะทางเดิน
ใช้เสียงช่วยจำ เช่น นาฬิกาพูดได้, ลำโพงเตือนหยอดตา
วางของใช้ในตำแหน่งเดิมเสมอ เพื่อให้จดจำง่ายโดยไม่ต้องพึ่งสายตามาก
National Eye Institute. “Living with Low Vision: Tips for Everyday Life.” [2023]
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับโรคต้อหิน
ต้อหินทำให้ตาบอดจริงหรือไม่?
ใช่ ต้อหินสามารถทำให้ตาบอดได้ถ้าไม่รักษา
ต้อหินเป็นสาเหตุหลักอันดับ 2 ของการตาบอดถาวรในผู้สูงอายุทั่วโลก โดยเกิดจากความดันลูกตาที่สูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำลายเส้นประสาทตาแบบค่อยเป็นค่อยไป หากไม่ตรวจพบหรือรักษาทันเวลา จะเริ่มจาก การมองเห็นรอบข้างลดลง (Peripheral Vision Loss) และขยายเข้าไปสู่จุดกลางจนไม่สามารถมองเห็นได้เลย
🧠 ความเสียหายจากต้อหินไม่สามารถฟื้นฟูได้ แต่สามารถ ชะลอการลุกลาม ได้หากรักษาแต่เนิ่น ๆ
Glaucoma Research Foundation. “Can Glaucoma Cause Blindness?” [2023]
ความแตกต่างระหว่างต้อหินกับต้อกระจก?
รายการเปรียบเทียบ | ต้อหิน | ต้อกระจก |
---|---|---|
สาเหตุหลัก | ความดันตาสูง กดเส้นประสาทตา | เลนส์แก้วตาขุ่นจากการเสื่อมตามอายุ |
อาการหลัก | มองเห็นขอบตาแคบลง, อาจไม่มีอาการในระยะแรก | มองมัว, มองเหมือนมีหมอก, แพ้แสง |
การรักษา | ยาหยอดตา, เลเซอร์, ผ่าตัดเปิดทางระบายน้ำ | ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์เทียม (แก้ได้ 100%) |
ตาบอดถาวร | ใช่ ถ้าไม่ได้รับการรักษา | ไม่ ถ้าผ่าตัดอย่างเหมาะสม |
American Academy of Ophthalmology. “What’s the Difference Between Glaucoma and Cataracts?” [2022]
ต้อหินเป็นอย่างไรในแต่ละระยะ?
แม้ไม่สามารถมองเห็นต้อหินจากภายนอกได้เหมือนต้อกระจก แต่การเปลี่ยนแปลงการมองเห็นสามารถอธิบายผ่านภาพจำลองดังนี้
ระยะเริ่มต้น มองเห็นปกติ แต่เสียการมองด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
ระยะกลาง ขอบภาพเบลอ คล้ายมองผ่านท่อ หรือเห็นเฉพาะตรงกลาง
ระยะรุนแรง มองเห็นเพียงบางส่วนหรือเฉพาะตรงกลางเล็กน้อย
ระยะสุดท้าย: ตาบอดถาวร แม้จุดกลางภาพจะเคยชัดมาก่อน
National Eye Institute. “What You See with Glaucoma.” [2023]
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้ที่ NeedNurseGroup โทร. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NeedNurse