โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในผู้สูงอายุ คืออะไร?
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease – COPD) เป็นกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการตีบแคบของหลอดลมอย่างถาวร ทำให้ผู้ป่วย หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย มีเสมหะเรื้อรัง หรือไอเรื้อรัง
COPD ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่ค่อย ๆ พัฒนาในระยะยาว ซึ่งถ้าไม่รักษาหรือควบคุมให้ดี ผู้สูงอายุอาจเข้าสู่ภาวะ ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) หรือเกิด ภาวะล้มเหลวของระบบหายใจ (Respiratory Failure) ได้
สถิติล่าสุดของ ผู้สูงวัยป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
จากรายงานของ องค์การอนามัยโลก (WHO, 2023) มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทั่วโลกกว่า 3.23 ล้านคนต่อปี และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของโลก
- ในประเทศไทย กรมควบคุมโรคเผยว่า พบผู้สูงอายุที่มีภาวะโรคถุงลมโป่งพองและ COPD สูงกว่า 15% ของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยสูบบุหรี่ หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองสูง (เช่น PM2.5)
ความเข้าใจผิดที่คนทั่วไปควรรู้
1. โรคนี้มีแค่คนสูบบุหรี่เท่านั้นที่เป็น
แม้การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก แต่ ผู้สูงอายุที่ไม่เคยสูบบุหรี่ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ หากอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือสารเคมีปนเปื้อน
2. ถ้าเหนื่อยแค่เวลาขึ้นบันได ยังไม่ใช่โรคนี้
อาการเหนื่อยง่ายเล็กน้อยก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ exacerbation (การกำเริบ) ของ COPD โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่ระบบหายใจเริ่มเสื่อมถอยตามอายุ
3. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม?
ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมให้อาการไม่กำเริบ และมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติได้ หากดูแลอย่างถูกวิธี
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
- โรคหัวใจ (Heart Disease)
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
- โรคต้อกระจก (Cataract)
- โรคต้อหิน (Glaucoma)
- โรคสมองเสื่อม (Dementia)
- โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ (Depression in the Elderly)
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease)
- โรคมะเร็ง (Cancer)
อาการของโรคที่ไม่ควรมองข้าม
ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) เป็นภาวะหนึ่งในกลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ถุงลมในปอด (alveoli) สูญเสียความยืดหยุ่นและแตกตัว ทำให้ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจึงมีอาการ หายใจหอบ เหนื่อยง่าย และแน่นหน้าอก
ในระยะยาว ปอดจะเกิดลักษณะที่เรียกว่า barrel chest คือ ทรวงอกป่องเหมือนถัง เนื่องจากปอดพองเกินขนาดจากลมหายใจที่ออกไม่หมด (air trapping)
อาการในระยะต่าง ๆ (โดยเฉพาะระยะที่ 3–4)
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีการแบ่งความรุนแรงออกเป็น 4 ระยะ ตามค่าการทำงานของปอด (FEV1)
ระยะที่ 3 – ขั้นรุนแรง (Severe)
ค่า FEV1 < 50%
หายใจติดขัดชัดเจน
เหนื่อยง่ายแม้เพียงเดินช้า ๆ
มีเสมหะเหนียว ข้น
ระยะที่ 4 – ขั้นรุนแรงมาก (Very Severe)
ค่า FEV1 < 30%
ออกซิเจนในเลือดต่ำมาก
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจบางช่วงเวลา
อาจเข้าสู่ ภาวะ respiratory failure คือ การล้มเหลวของระบบหายใจ
เสียงปอดผิดปกติแบบไหนที่ควรพบแพทย์
การฟังเสียงปอดด้วยเครื่องฟัง (Stethoscope) เป็นวิธีพื้นฐานในการคัดกรอง COPD ในผู้สูงอายุ เสียงที่พบได้
Rhonchi เสียงครืดคล้ายเสมหะในหลอดลม → มักเกิดจากการอุดตัน
Wheezing เสียงหวีดขณะหายใจออก → บ่งบอกหลอดลมตีบ
Coarse crepitation เสียงแตกกรอบเหมือนผ้าถูกขยี้
Decrease breath sound เสียงลมหายใจเบาหรือแทบไม่ได้ยินในบางตำแหน่งของปอด
หากได้ยินเสียงเหล่านี้ร่วมกับอาการเหนื่อย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินภาวะ exacerbation คือ การกำเริบของโรค
การหายใจลำบากแบบไหนคือสัญญาณแดง
ผู้สูงวัยหลายคนอาจคิดว่า “หายใจไม่สุด” เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความจริง หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หายใจตื้นเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
เหนื่อยจนพูดได้แค่ประโยคสั้น ๆ
หน้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ
ต้องพึ่งพา pursed lip breathing (หายใจทางปากแบบเม้มริมฝีปาก)
มีอาการหมดแรงร่วมกับอาการปอดรั่ว (ปอดรั่ว เกิดจากอะไร)
เข้าใจผลตรวจปอดแบบคนธรรมดาก็อ่านได้
ค่า FEV1, FVC, PFT คืออะไร?
การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test หรือ PFT) เป็นเครื่องมือหลักที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะค่า FEV1 และ FVC ซึ่งสำคัญมาก
FEV1 (Forced Expiratory Volume in 1 Second) คือ ปริมาณลมที่เป่าออกมาให้ได้มากที่สุดใน 1 วินาทีแรกหลังการหายใจเข้าลึกสุด
FVC (Forced Vital Capacity) คือ ปริมาณลมทั้งหมดที่สามารถหายใจออกได้เต็มที่หลังจากหายใจเข้าเต็มปอด
ค่าทั้งสองนี้นำมาเปรียบเทียบกันเป็น FEV1/FVC ratio ซึ่งใช้วัดว่ามีการตีบของหลอดลมหรือไม่
ค่าปอดปกติเท่าไหร่? วิเคราะห์ง่าย ๆ
ค่าที่ถือว่า “ปกติ” มักจะมีลักษณะดังนี้
FEV1/FVC > 70% ถือว่าไม่มีภาวะอุดกั้น
หาก FEV1/FVC < 70% และ FEV1 < 80% → บ่งชี้ว่าอาจมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยค่าปอดจะประเมินจาก อายุ, เพศ, ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลด้วย
อ่านผล HRCT, CXR เบื้องต้น
CXR (Chest X-ray)
ใช้ดูโครงสร้างของปอดและทรวงอก พบความผิดปกติได้ เช่น
ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) จะเห็นว่าปอดดูใสและขยายมากกว่าปกติ
หลอดลมขยาย หรือมีเส้นเลือดหายไปบางส่วน
HRCT (High Resolution Computed Tomography)
แสดงรายละเอียดของถุงลม ปอด และหลอดลมได้ชัดเจนกว่า X-ray เช่น
ตรวจพบ air trapping, bullae, หรือ ปอดรั่ว ได้แม่นยำ
ใช้ตรวจเมื่อสงสัย bronchiectasis หรือมีภาวะซ้อนร่วม
barrel chest, air trapping และศัพท์อื่น ๆ ที่คุณควรรู้
เพื่อให้เข้าใจภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคปอดเรื้อรัง ลองมาทำความรู้จักคำศัพท์เฉพาะเหล่านี้
barrel chest คือ ทรวงอกป่องกลมคล้ายถัง เนื่องจากปอดขยายเกินจากลมหายใจที่ค้างอยู่
air trapping คือ ลมที่ถูกขังในปอดเพราะหลอดลมตีบ ทำให้หายใจออกได้ไม่หมด
hyperinflation คือ ปอดพองเกินปกติจากลมที่ออกไม่หมด
hyperaeration cxr คือ คำศัพท์ที่ใช้ในรายงานฟิล์ม X-ray หมายถึงมีอากาศในปอดมากผิดปกติ
แปลศัพท์หมอให้ง่าย คำที่ญาติผู้ป่วยควรรู้
ค่า FEV1, FVC, PFT คืออะไร?
การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test หรือ PFT) เป็นเครื่องมือหลักที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะค่า FEV1 และ FVC ซึ่งสำคัญมาก
FEV1 (Forced Expiratory Volume in 1 Second) คือ ปริมาณลมที่เป่าออกมาให้ได้มากที่สุดใน 1 วินาทีแรกหลังการหายใจเข้าลึกสุด
FVC (Forced Vital Capacity) คือ ปริมาณลมทั้งหมดที่สามารถหายใจออกได้เต็มที่หลังจากหายใจเข้าเต็มปอด
ค่าทั้งสองนี้นำมาเปรียบเทียบกันเป็น FEV1/FVC ratio ซึ่งใช้วัดว่ามีการตีบของหลอดลมหรือไม่
ค่าปอดปกติเท่าไหร่? วิเคราะห์ง่าย ๆ
ค่าที่ถือว่า “ปกติ” มักจะมีลักษณะดังนี้
FEV1/FVC > 70% ถือว่าไม่มีภาวะอุดกั้น
หาก FEV1/FVC < 70% และ FEV1 < 80% → บ่งชี้ว่าอาจมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยค่าปอดจะประเมินจาก อายุ, เพศ, ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลด้วย
อ่านผล HRCT, CXR เบื้องต้น
CXR (Chest X-ray)
ใช้ดูโครงสร้างของปอดและทรวงอก พบความผิดปกติได้ เช่น
ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) จะเห็นว่าปอดดูใสและขยายมากกว่าปกติ
หลอดลมขยาย หรือมีเส้นเลือดหายไปบางส่วน
HRCT (High Resolution Computed Tomography)
แสดงรายละเอียดของถุงลม ปอด และหลอดลมได้ชัดเจนกว่า X-ray เช่น
ตรวจพบ air trapping, bullae, หรือ ปอดรั่ว ได้แม่นยำ
ใช้ตรวจเมื่อสงสัย bronchiectasis หรือมีภาวะซ้อนร่วม
barrel chest, air trapping และศัพท์อื่น ๆ ที่คุณควรรู้
เพื่อให้เข้าใจภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคปอดเรื้อรัง ลองมาทำความรู้จักคำศัพท์เฉพาะเหล่านี้
barrel chest คือ ทรวงอกป่องกลมคล้ายถัง เนื่องจากปอดขยายเกินจากลมหายใจที่ค้างอยู่
air trapping คือ ลมที่ถูกขังในปอดเพราะหลอดลมตีบ ทำให้หายใจออกได้ไม่หมด
hyperinflation คือ ปอดพองเกินปกติจากลมที่ออกไม่หมด
hyperaeration cxr คือ คำศัพท์ที่ใช้ในรายงานฟิล์ม X-ray หมายถึงมีอากาศในปอดมากผิดปกติ
แปลศัพท์หมอให้ง่าย คำที่ญาติผู้ป่วยควรรู้
เมื่อผู้สูงอายุในครอบครัวต้องเผชิญกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คำพูดจากแพทย์มักเต็มไปด้วยคำเฉพาะที่เข้าใจยาก เช่น AE, Exacerbation, หรือ respiratory failure การเข้าใจศัพท์เหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
AE คืออะไร ต่างจาก Exacerbation ยังไง?
AE ย่อมาจาก Acute Exacerbation หมายถึง ภาวะที่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำเริบแบบเฉียบพลัน เช่น ไอเพิ่มมากขึ้น เสมหะเปลี่ยนสี หายใจถี่ หอบ หรือเหนื่อยมากกว่าปกติ
Exacerbation (โดยไม่ต้องมีคำว่า Acute) เป็นคำทั่วไปทางการแพทย์ หมายถึง การกำเริบหรืออาการทรุดของโรคเรื้อรังใด ๆ ก็ได้ เช่น โรคหอบหืด, โรคหัวใจ หรือแม้แต่โรคข้ออักเสบ
สรุปสั้น ๆ
AE = เฉพาะเจาะจงกับ COPD ที่กำเริบแบบเฉียบพลัน
Exacerbation = คำกว้าง หมายถึงอาการกำเริบของโรคเรื้อรังใดก็ได้
Cor pulmonale, respiratory failure คืออะไร?
Cor Pulmonale
เป็นภาวะที่ หัวใจห้องขวาทำงานหนักเกินไป เพราะปอดทำงานผิดปกติ เช่น มีความดันในหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary Hypertension) เกิดบ่อยในผู้ป่วย COPD ระยะลุกลาม
สัญญาณเตือน ขาบวม เหนื่อยง่าย เหนื่อยแม้ไม่ได้ออกแรง ความดันต่ำ หน้ามืดบ่อย
Respiratory Failure
หมายถึง ภาวะที่ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน (hypoxia) หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์สะสม (hypercapnia)
อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือพึ่งพาออกซิเจนตลอดเวลา
รวมศัพท์จากห้องตรวจ (พร้อมภาพประกอบ)
ศัพท์แพทย์ | ความหมายทั่วไป |
---|---|
barrel chest | ทรวงอกพอง ปอดขยายมากผิดปกติ |
hyperinflation | ลมสะสมในปอดเยอะจนปอดพอง |
air trapping | ลมถูกกักในถุงลม ออกมาไม่ได้ |
coarse crepitation | เสียงปอดคล้ายผ้าถูกขยี้ อาจมีการติดเชื้อ |
decreased breath sound | เสียงลมหายใจเบา/หายไป มักบ่งบอกปอดเสื่อม |
expiratory wheezing | เสียงหวีดขณะหายใจออก หลอดลมตีบ |
rhonchi | เสียงครืด เหมือนมีเสมหะติดในหลอดลม |
เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถอ่านใบรายงานผลตรวจได้เข้าใจยิ่งขึ้น นี่คือคำที่มักพบในฟิล์ม X-ray, HRCT หรือรายงานทางคลินิก
รักษาอย่างไรให้ผู้สูงอายุ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
แม้ว่า โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม จะยังไม่มีคำตอบว่า “หายขาด” ได้ แต่ผู้สูงอายุสามารถมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้อย่างมาก หากได้รับการดูแลและรักษาที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
การใช้ยาขยายหลอดลม / ยาสูดพ่น
ผู้ป่วย COPD ส่วนใหญ่ต้องใช้ ยาขยายหลอดลม เพื่อลดการตีบของหลอดลม และช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ยาเหล่านี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก
SABA (Short-acting beta agonist) เช่น salbutamol – ออกฤทธิ์เร็ว ใช้ตอนหายใจลำบากเฉียบพลัน
LABA (Long-acting beta agonist) เช่น salmeterol – ใช้ควบคุมอาการระยะยาว
บางรายอาจใช้ร่วมกับ ยาสเตียรอยด์แบบพ่น (ICS) เพื่อลดการอักเสบของหลอดลม
การบำบัดด้วยออกซิเจน (Oxygen Therapy)
หากผู้ป่วยอยู่ในระยะรุนแรง หรือมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO₂ < 88%) แพทย์จะพิจารณาให้ใช้ออกซิเจนที่บ้านแบบต่อเนื่อง เช่น
เครื่องออกซิเจนชนิดพกพา
ระบบ Oxygen Concentrator
การใช้ออกซิเจนร่วมกับการนอนหลับหากมีภาวะหยุดหายใจ
การบำบัดด้วยออกซิเจนช่วยลดความเสี่ยงของ respiratory failure คือ ภาวะล้มเหลวของระบบหายใจ และลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลซ้ำ
เทคนิค “pursed lip breathing” ฟื้นฟูปอดแบบธรรมชาติ
Pursed lip breathing คือ เทคนิคหายใจที่ช่วยลดความตึงเครียดขณะหายใจ โดยมีหลักการคือ
หายใจเข้าทางจมูก → หายใจออกช้า ๆ ทางปากโดยเม้มริมฝีปาก (เหมือนผิวเป่าเทียน)
ประโยชน์คือช่วยลดการติดค้างของลมในปอด (air trapping), เพิ่มออกซิเจนเข้าสู่ปอด และลดความเหนื่อย
ฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัดและการดูแลที่บ้าน
กายภาพบำบัดปอด (Pulmonary Rehabilitation) เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ป่วย COPD เช่น
เดินช้า ๆ บนลู่วิ่ง
ฝึกการหายใจแบบ diaphragmatic breathing
ฝึกการไอเพื่อขับเสมหะ
ใช้อุปกรณ์ช่วยเป่าปอดเพื่อรักษาค่า FEV1
การดูแลที่บ้านที่สำคัญ ได้แก่
อยู่ในพื้นที่ปลอดฝุ่น ควัน และ PM2.5
รับประทานอาหารที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น อาหารโปรตีนสูง ลดอาหารแปรรูป
ปรับสภาพแวดล้อมบ้าน เช่น การติดเครื่องฟอกอากาศ การดูแลเรื่องอุณหภูมิ
เมื่ออยู่ที่บ้าน ควรดูแลผู้สูงอายุอย่างไร?
แม้บ้านจะไม่ใช่โรงพยาบาล แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เราสามารถเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็น พื้นที่ฟื้นฟูสุขภาพทางเดินหายใจ สำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้อย่างปลอดภัยและอบอุ่น
สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย COPD
ปอดของผู้สูงวัยที่มี COPD นั้นเปราะบางมากต่อมลพิษ สิ่งแวดล้อมภายในบ้านจึงควรเอื้อให้ปอดทำงานได้ดีที่สุด ดังนี้
ห้องต้องระบายอากาศได้ดี ไม่มีฝุ่นสะสม
หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุน เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำหอมสเปรย์
หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM2.5 ควรติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ ที่มี HEPA filter
อุณหภูมิห้องควรอยู่ระหว่าง 25–27 องศาเซลเซียส ไม่ชื้นหรือร้อนเกินไป
เทคนิคการจัดบ้านเพื่อลดฝุ่นและควัน
เพื่อป้องกัน exacerbation คือ การกำเริบของโรค การจัดบ้านอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มาก เช่น
ใช้ ผ้าม่านชนิดกันไรฝุ่น และซักผ้าปูที่นอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
หลีกเลี่ยงพรมหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่น
งดใช้ธูป เทียน หรือเตาแก๊สในพื้นที่ปิด
พื้นบ้านควรเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำแทนการปัดฝุ่นเพื่อลดการฟุ้งกระจาย
ความเข้าใจเรื่องอาหารที่ดีต่อระบบหายใจ
อาหารที่ผู้ป่วย COPD บริโภคสามารถส่งผลต่ออัตราการหายใจและภาระของปอดได้โดยตรง:
เน้น โปรตีนสูง เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อปอด เช่น ไข่ เนื้อปลา เต้าหู้
หลีกเลี่ยงอาหารทอดและไขมันสูง เพราะทำให้ร่างกายผลิตคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น
ดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้เสมหะไม่เหนียว
ลดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี เพื่อไม่ให้ท้องอืดและเบียดกระบังลมหายใจ
การเตรียมตัวเมื่อผู้ป่วยมีอาการกำเริบ (AE)
AE หรือ Acute Exacerbation คือ ภาวะที่อาการของ COPD กำเริบอย่างเฉียบพลัน เช่น หายใจถี่ หอบ เสมหะเปลี่ยนสีหรือเหนียวมากขึ้น ผู้ดูแลควร:
สังเกตสัญญาณเตือน เช่น ไอมากขึ้น เหนื่อยแม้อยู่เฉย ๆ หรือใช้แรงน้อย
วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว (SpO₂) หากต่ำกว่า 90% ต้องพบแพทย์
เตรียม ยาขยายหลอดลมฉุกเฉิน หรือยาสูดพ่นที่แพทย์สั่ง
ใช้เทคนิค pursed lip breathing คือ หายใจออกทางปากช้า ๆ เพื่อลดอาการหอบ
ถอดบทเรียนจากเคสจริง เมื่อแม่เริ่มหายใจไม่ออก
“แม่ของผมอายุ 74 ปี เป็นคนที่ดูแข็งแรงมาก เดินจ่ายตลาดเองทุกเช้า… จนวันหนึ่งเธอบอกว่าเหนื่อยง่ายแค่เดินขึ้นบันไดก็หอบ ต้องนั่งพักถึงจะหายใจได้”
ในช่วงแรก ครอบครัวคิดว่าเป็นเพราะ “แก่แล้วก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา” แต่เมื่ออาการ เหนื่อยง่าย หายใจถี่ และไอเรื้อรัง เป็นมากขึ้น จึงตัดสินใจพาไปพบแพทย์ และตรวจพบว่าเป็น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ระยะที่ 3 พร้อมภาวะ emphysematous คือ ถุงลมโป่งพองร่วมด้วย
“ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าโรคนี้ รักษาหายไหม คำตอบคือไม่… แต่เราช่วยให้แม่ ‘หายใจดีขึ้น’ และอยู่กับมันได้อย่างมีคุณภาพชีวิต”
ครอบครัวเริ่มศึกษาวิธี ใช้ยาขยายหลอดลม, เทคนิค pursed lip breathing คือ การหายใจออกแบบควบคุม และปรับบ้านให้ปลอดฝุ่น พร้อมใช้ออกซิเจนเสริมบางช่วงเมื่อลงบันไดหรือหลังอาบน้ำ
วิธีสื่อสารกับแพทย์ และทำแผนดูแลต่อเนื่อง
การเป็น “ญาติผู้ป่วย” ที่ดีไม่ใช่แค่ดูแลเรื่องยาเท่านั้น แต่ต้อง เป็นสะพานเชื่อมระหว่างแพทย์กับชีวิตจริงในบ้าน
สิ่งที่ควรทำในการสื่อสารกับแพทย์
บันทึก อาการของผู้ป่วยในแต่ละวัน เช่น เหนื่อยมากช่วงไหน หายใจเสียงดังหรือไม่
ถามแพทย์ถึง แนวทางป้องกัน AE (acute exacerbation) เช่น อาการกำเริบฉับพลัน
ขอใบแผนดูแลที่บ้าน เช่น การปรับอาหาร การออกกำลังกาย และการติดตามค่า FEV1
แผนดูแลต่อเนื่อง
ใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (pulse oximeter) ติดบ้าน
หมั่นฝึก ฟื้นฟูปอด ด้วยกายภาพบำบัด เช่น เป่าลูกโป่ง หรือเดินวันละ 15 นาที
วางแผนฉุกเฉิน เช่น หมอประจำบ้านเบอร์อะไร ใช้ยาฉุกเฉินชนิดใด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในผู้สูงอายุ"
1. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม?
ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ด้วยการใช้ ยาขยายหลอดลม, ยาสูดพ่น, การบำบัดด้วยออกซิเจน และการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดอย่างต่อเนื่อง
2. ถุงลมโป่งพอง คืออะไร อันตรายไหม?
ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) คือภาวะที่ถุงลมในปอดเสื่อมสภาพ ขยายตัวเกินปกติ ทำให้แลกเปลี่ยนอากาศไม่ได้เต็มที่ อาการมักรวมถึง เหนื่อยง่าย หายใจตื้น และ หอบเมื่อใช้แรง หากไม่ดูแลอาจเสี่ยงถึง respiratory failure ได้
3. COPD ต่างจากโรคหืดอย่างไร?
โรคหืด (Asthma) มักเริ่มตั้งแต่วัยเด็กและอาการดีขึ้นเมื่อได้รับยา แต่ COPD เกิดจากการเสื่อมของหลอดลมและถุงลมแบบถาวร มักเกิดในผู้สูงอายุจากปัจจัยสะสม เช่น สูบบุหรี่หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น/ควัน
4. ค่า FEV1, FVC ในรายงานตรวจปอดคืออะไร?
FEV1 ปริมาณลมที่หายใจออกได้ในวินาทีแรก
FVC ปริมาณลมทั้งหมดที่หายใจออกได้
ค่าทั้งสองใช้วิเคราะห์ว่า มีภาวะหลอดลมตีบหรือไม่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้โรค COPD
5. อาการแบบไหนที่เรียกว่า AE หรือกำเริบ?
AE (Acute Exacerbation) คือ ภาวะกำเริบเฉียบพลันของโรค เช่น ไอมากขึ้น หายใจถี่ เสมหะข้น หรือสีเปลี่ยน ควรรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการดังกล่าว
6. ต้องเตรียมบ้านอย่างไรหากมีผู้ป่วย COPD?
บ้านควรปลอดฝุ่น ไม่มีควัน และอากาศถ่ายเทดี
ติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ หากอยู่ในพื้นที่มี PM2.5
หลีกเลี่ยงการใช้พรมและน้ำยากลิ่นแรง
จัดพื้นที่ให้ผู้ป่วย เดินง่าย ปลอดภัย และสะดวกใช้อุปกรณ์ออกซิเจน
7. เทคนิคหายใจ pursed lip breathing คืออะไร?
เป็นวิธีหายใจที่ช่วยลดแรงต้านของหลอดลม โดยหายใจเข้าทางจมูก แล้วหายใจออกช้า ๆ ทางปากที่เม้มไว้ เทคนิคนี้ช่วยให้ลมหายใจออกได้หมดมากขึ้น ลดการสะสมลมในปอด และทำให้หายใจสบายขึ้น
8. หากผู้ป่วย COPD อยู่บ้าน ควรเลือกใช้บริการดูแลผู้สูงอายุแบบไหนดี?
ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เช่น การวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว, ช่วยใช้อุปกรณ์ออกซิเจน, เตือนให้ใช้ยาสูดพ่นตามเวลา และเฝ้าระวังอาการ กำเริบ (AE) ที่อาจเกิดได้ตลอดเวลา
การใช้ บริการจัดส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุ กับ NeedNurseGroup จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีทีมงานที่ผ่านการอบรมด้านการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังโดยเฉพาะ มีความเข้าใจเทคนิค pursed lip breathing, การประเมินภาวะหายใจ และสามารถประสานงานกับทีมแพทย์เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้ที่ NeedNurseGroup โทร. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NeedNurse