โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในผู้สูงอายุ คืออะไร?

    โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease – COPD) เป็นกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการตีบแคบของหลอดลมอย่างถาวร ทำให้ผู้ป่วย หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย มีเสมหะเรื้อรัง หรือไอเรื้อรัง

COPD ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่ค่อย ๆ พัฒนาในระยะยาว ซึ่งถ้าไม่รักษาหรือควบคุมให้ดี ผู้สูงอายุอาจเข้าสู่ภาวะ ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) หรือเกิด ภาวะล้มเหลวของระบบหายใจ (Respiratory Failure) ได้

สถิติล่าสุดของ ผู้สูงวัยป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

  • จากรายงานของ องค์การอนามัยโลก (WHO, 2023) มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทั่วโลกกว่า 3.23 ล้านคนต่อปี และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของโลก

  • ในประเทศไทย กรมควบคุมโรคเผยว่า พบผู้สูงอายุที่มีภาวะโรคถุงลมโป่งพองและ COPD สูงกว่า 15% ของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยสูบบุหรี่ หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองสูง (เช่น PM2.5)

ความเข้าใจผิดที่คนทั่วไปควรรู้

1. โรคนี้มีแค่คนสูบบุหรี่เท่านั้นที่เป็น

แม้การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก แต่ ผู้สูงอายุที่ไม่เคยสูบบุหรี่ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ หากอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือสารเคมีปนเปื้อน

2. ถ้าเหนื่อยแค่เวลาขึ้นบันได ยังไม่ใช่โรคนี้

อาการเหนื่อยง่ายเล็กน้อยก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ exacerbation (การกำเริบ) ของ COPD โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่ระบบหายใจเริ่มเสื่อมถอยตามอายุ

3. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม?

ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมให้อาการไม่กำเริบ และมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติได้ หากดูแลอย่างถูกวิธี

สาระบัญ

อาการของโรคที่ไม่ควรมองข้าม

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) เป็นภาวะหนึ่งในกลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ถุงลมในปอด (alveoli) สูญเสียความยืดหยุ่นและแตกตัว ทำให้ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจึงมีอาการ หายใจหอบ เหนื่อยง่าย และแน่นหน้าอก

ในระยะยาว ปอดจะเกิดลักษณะที่เรียกว่า barrel chest คือ ทรวงอกป่องเหมือนถัง เนื่องจากปอดพองเกินขนาดจากลมหายใจที่ออกไม่หมด (air trapping)

อาการในระยะต่าง ๆ (โดยเฉพาะระยะที่ 3–4)

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีการแบ่งความรุนแรงออกเป็น 4 ระยะ ตามค่าการทำงานของปอด (FEV1)

ระยะที่ 3 – ขั้นรุนแรง (Severe)

  • ค่า FEV1 < 50%

  • หายใจติดขัดชัดเจน

  • เหนื่อยง่ายแม้เพียงเดินช้า ๆ

  • มีเสมหะเหนียว ข้น

ระยะที่ 4 – ขั้นรุนแรงมาก (Very Severe)

  • ค่า FEV1 < 30%

  • ออกซิเจนในเลือดต่ำมาก

  • ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจบางช่วงเวลา

  • อาจเข้าสู่ ภาวะ respiratory failure คือ การล้มเหลวของระบบหายใจ

เสียงปอดผิดปกติแบบไหนที่ควรพบแพทย์

การฟังเสียงปอดด้วยเครื่องฟัง (Stethoscope) เป็นวิธีพื้นฐานในการคัดกรอง COPD ในผู้สูงอายุ เสียงที่พบได้

  • Rhonchi เสียงครืดคล้ายเสมหะในหลอดลม → มักเกิดจากการอุดตัน

  • Wheezing เสียงหวีดขณะหายใจออก → บ่งบอกหลอดลมตีบ

  • Coarse crepitation เสียงแตกกรอบเหมือนผ้าถูกขยี้

  • Decrease breath sound เสียงลมหายใจเบาหรือแทบไม่ได้ยินในบางตำแหน่งของปอด

หากได้ยินเสียงเหล่านี้ร่วมกับอาการเหนื่อย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินภาวะ exacerbation คือ การกำเริบของโรค

การหายใจลำบากแบบไหนคือสัญญาณแดง

ผู้สูงวัยหลายคนอาจคิดว่า “หายใจไม่สุด” เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความจริง หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • หายใจตื้นเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน

  • เหนื่อยจนพูดได้แค่ประโยคสั้น ๆ

  • หน้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ

  • ต้องพึ่งพา pursed lip breathing (หายใจทางปากแบบเม้มริมฝีปาก)

  • มีอาการหมดแรงร่วมกับอาการปอดรั่ว (ปอดรั่ว เกิดจากอะไร)

เข้าใจผลตรวจปอดแบบคนธรรมดาก็อ่านได้

ค่า FEV1, FVC, PFT คืออะไร?

การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test หรือ PFT) เป็นเครื่องมือหลักที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะค่า FEV1 และ FVC ซึ่งสำคัญมาก

  • FEV1 (Forced Expiratory Volume in 1 Second) คือ ปริมาณลมที่เป่าออกมาให้ได้มากที่สุดใน 1 วินาทีแรกหลังการหายใจเข้าลึกสุด

  • FVC (Forced Vital Capacity) คือ ปริมาณลมทั้งหมดที่สามารถหายใจออกได้เต็มที่หลังจากหายใจเข้าเต็มปอด

ค่าทั้งสองนี้นำมาเปรียบเทียบกันเป็น FEV1/FVC ratio ซึ่งใช้วัดว่ามีการตีบของหลอดลมหรือไม่

ค่าปอดปกติเท่าไหร่? วิเคราะห์ง่าย ๆ

ค่าที่ถือว่า “ปกติ” มักจะมีลักษณะดังนี้

  • FEV1/FVC > 70% ถือว่าไม่มีภาวะอุดกั้น

  • หาก FEV1/FVC < 70% และ FEV1 < 80% → บ่งชี้ว่าอาจมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

  • โดยค่าปอดจะประเมินจาก อายุ, เพศ, ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลด้วย

อ่านผล HRCT, CXR เบื้องต้น

CXR (Chest X-ray)

ใช้ดูโครงสร้างของปอดและทรวงอก พบความผิดปกติได้ เช่น

    • ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) จะเห็นว่าปอดดูใสและขยายมากกว่าปกติ

    • หลอดลมขยาย หรือมีเส้นเลือดหายไปบางส่วน

HRCT (High Resolution Computed Tomography)

แสดงรายละเอียดของถุงลม ปอด และหลอดลมได้ชัดเจนกว่า X-ray เช่น

    • ตรวจพบ air trapping, bullae, หรือ ปอดรั่ว ได้แม่นยำ

    • ใช้ตรวจเมื่อสงสัย bronchiectasis หรือมีภาวะซ้อนร่วม

barrel chest, air trapping และศัพท์อื่น ๆ ที่คุณควรรู้

เพื่อให้เข้าใจภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคปอดเรื้อรัง ลองมาทำความรู้จักคำศัพท์เฉพาะเหล่านี้

  • barrel chest คือ ทรวงอกป่องกลมคล้ายถัง เนื่องจากปอดขยายเกินจากลมหายใจที่ค้างอยู่

  • air trapping คือ ลมที่ถูกขังในปอดเพราะหลอดลมตีบ ทำให้หายใจออกได้ไม่หมด

  • hyperinflation คือ ปอดพองเกินปกติจากลมที่ออกไม่หมด

  • hyperaeration cxr คือ คำศัพท์ที่ใช้ในรายงานฟิล์ม X-ray หมายถึงมีอากาศในปอดมากผิดปกติ

แปลศัพท์หมอให้ง่าย คำที่ญาติผู้ป่วยควรรู้

ค่า FEV1, FVC, PFT คืออะไร?

การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test หรือ PFT) เป็นเครื่องมือหลักที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะค่า FEV1 และ FVC ซึ่งสำคัญมาก

  • FEV1 (Forced Expiratory Volume in 1 Second) คือ ปริมาณลมที่เป่าออกมาให้ได้มากที่สุดใน 1 วินาทีแรกหลังการหายใจเข้าลึกสุด

  • FVC (Forced Vital Capacity) คือ ปริมาณลมทั้งหมดที่สามารถหายใจออกได้เต็มที่หลังจากหายใจเข้าเต็มปอด

ค่าทั้งสองนี้นำมาเปรียบเทียบกันเป็น FEV1/FVC ratio ซึ่งใช้วัดว่ามีการตีบของหลอดลมหรือไม่

ค่าปอดปกติเท่าไหร่? วิเคราะห์ง่าย ๆ

ค่าที่ถือว่า “ปกติ” มักจะมีลักษณะดังนี้

  • FEV1/FVC > 70% ถือว่าไม่มีภาวะอุดกั้น

  • หาก FEV1/FVC < 70% และ FEV1 < 80% → บ่งชี้ว่าอาจมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

  • โดยค่าปอดจะประเมินจาก อายุ, เพศ, ส่วนสูง และน้ำหนัก ของแต่ละบุคคลด้วย

อ่านผล HRCT, CXR เบื้องต้น

CXR (Chest X-ray)

ใช้ดูโครงสร้างของปอดและทรวงอก พบความผิดปกติได้ เช่น

    • ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) จะเห็นว่าปอดดูใสและขยายมากกว่าปกติ

    • หลอดลมขยาย หรือมีเส้นเลือดหายไปบางส่วน

HRCT (High Resolution Computed Tomography)

แสดงรายละเอียดของถุงลม ปอด และหลอดลมได้ชัดเจนกว่า X-ray เช่น

    • ตรวจพบ air trapping, bullae, หรือ ปอดรั่ว ได้แม่นยำ

    • ใช้ตรวจเมื่อสงสัย bronchiectasis หรือมีภาวะซ้อนร่วม

barrel chest, air trapping และศัพท์อื่น ๆ ที่คุณควรรู้

เพื่อให้เข้าใจภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคปอดเรื้อรัง ลองมาทำความรู้จักคำศัพท์เฉพาะเหล่านี้

  • barrel chest คือ ทรวงอกป่องกลมคล้ายถัง เนื่องจากปอดขยายเกินจากลมหายใจที่ค้างอยู่

  • air trapping คือ ลมที่ถูกขังในปอดเพราะหลอดลมตีบ ทำให้หายใจออกได้ไม่หมด

  • hyperinflation คือ ปอดพองเกินปกติจากลมที่ออกไม่หมด

  • hyperaeration cxr คือ คำศัพท์ที่ใช้ในรายงานฟิล์ม X-ray หมายถึงมีอากาศในปอดมากผิดปกติ

แปลศัพท์หมอให้ง่าย คำที่ญาติผู้ป่วยควรรู้

เมื่อผู้สูงอายุในครอบครัวต้องเผชิญกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คำพูดจากแพทย์มักเต็มไปด้วยคำเฉพาะที่เข้าใจยาก เช่น AE, Exacerbation, หรือ respiratory failure การเข้าใจศัพท์เหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น

AE คืออะไร ต่างจาก Exacerbation ยังไง?

AE ย่อมาจาก Acute Exacerbation หมายถึง ภาวะที่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำเริบแบบเฉียบพลัน เช่น ไอเพิ่มมากขึ้น เสมหะเปลี่ยนสี หายใจถี่ หอบ หรือเหนื่อยมากกว่าปกติ

Exacerbation (โดยไม่ต้องมีคำว่า Acute) เป็นคำทั่วไปทางการแพทย์ หมายถึง การกำเริบหรืออาการทรุดของโรคเรื้อรังใด ๆ ก็ได้ เช่น โรคหอบหืด, โรคหัวใจ หรือแม้แต่โรคข้ออักเสบ

สรุปสั้น ๆ

  • AE = เฉพาะเจาะจงกับ COPD ที่กำเริบแบบเฉียบพลัน

  • Exacerbation = คำกว้าง หมายถึงอาการกำเริบของโรคเรื้อรังใดก็ได้

Cor pulmonale, respiratory failure คืออะไร?

Cor Pulmonale

เป็นภาวะที่ หัวใจห้องขวาทำงานหนักเกินไป เพราะปอดทำงานผิดปกติ เช่น มีความดันในหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary Hypertension) เกิดบ่อยในผู้ป่วย COPD ระยะลุกลาม

สัญญาณเตือน ขาบวม เหนื่อยง่าย เหนื่อยแม้ไม่ได้ออกแรง ความดันต่ำ หน้ามืดบ่อย

Respiratory Failure

หมายถึง ภาวะที่ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน (hypoxia) หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์สะสม (hypercapnia)
อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือพึ่งพาออกซิเจนตลอดเวลา

รวมศัพท์จากห้องตรวจ (พร้อมภาพประกอบ)

ศัพท์แพทย์ความหมายทั่วไป
barrel chestทรวงอกพอง ปอดขยายมากผิดปกติ
hyperinflationลมสะสมในปอดเยอะจนปอดพอง
air trappingลมถูกกักในถุงลม ออกมาไม่ได้
coarse crepitationเสียงปอดคล้ายผ้าถูกขยี้ อาจมีการติดเชื้อ
decreased breath soundเสียงลมหายใจเบา/หายไป มักบ่งบอกปอดเสื่อม
expiratory wheezingเสียงหวีดขณะหายใจออก หลอดลมตีบ
rhonchiเสียงครืด เหมือนมีเสมหะติดในหลอดลม

เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถอ่านใบรายงานผลตรวจได้เข้าใจยิ่งขึ้น นี่คือคำที่มักพบในฟิล์ม X-ray, HRCT หรือรายงานทางคลินิก

รักษาอย่างไรให้ผู้สูงอายุ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

แม้ว่า โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม จะยังไม่มีคำตอบว่า “หายขาด” ได้ แต่ผู้สูงอายุสามารถมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้อย่างมาก หากได้รับการดูแลและรักษาที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน

การใช้ยาขยายหลอดลม / ยาสูดพ่น

ผู้ป่วย COPD ส่วนใหญ่ต้องใช้ ยาขยายหลอดลม เพื่อลดการตีบของหลอดลม และช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ยาเหล่านี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก

  • SABA (Short-acting beta agonist) เช่น salbutamol – ออกฤทธิ์เร็ว ใช้ตอนหายใจลำบากเฉียบพลัน

  • LABA (Long-acting beta agonist) เช่น salmeterol – ใช้ควบคุมอาการระยะยาว

  • บางรายอาจใช้ร่วมกับ ยาสเตียรอยด์แบบพ่น (ICS) เพื่อลดการอักเสบของหลอดลม

การบำบัดด้วยออกซิเจน (Oxygen Therapy)

หากผู้ป่วยอยู่ในระยะรุนแรง หรือมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO₂ < 88%) แพทย์จะพิจารณาให้ใช้ออกซิเจนที่บ้านแบบต่อเนื่อง เช่น

  • เครื่องออกซิเจนชนิดพกพา

  • ระบบ Oxygen Concentrator

  • การใช้ออกซิเจนร่วมกับการนอนหลับหากมีภาวะหยุดหายใจ

การบำบัดด้วยออกซิเจนช่วยลดความเสี่ยงของ respiratory failure คือ ภาวะล้มเหลวของระบบหายใจ และลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลซ้ำ

เทคนิค “pursed lip breathing” ฟื้นฟูปอดแบบธรรมชาติ

Pursed lip breathing คือ เทคนิคหายใจที่ช่วยลดความตึงเครียดขณะหายใจ โดยมีหลักการคือ

หายใจเข้าทางจมูก → หายใจออกช้า ๆ ทางปากโดยเม้มริมฝีปาก (เหมือนผิวเป่าเทียน)

ประโยชน์คือช่วยลดการติดค้างของลมในปอด (air trapping), เพิ่มออกซิเจนเข้าสู่ปอด และลดความเหนื่อย

ฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัดและการดูแลที่บ้าน

กายภาพบำบัดปอด (Pulmonary Rehabilitation) เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ป่วย COPD เช่น

  • เดินช้า ๆ บนลู่วิ่ง

  • ฝึกการหายใจแบบ diaphragmatic breathing

  • ฝึกการไอเพื่อขับเสมหะ

  • ใช้อุปกรณ์ช่วยเป่าปอดเพื่อรักษาค่า FEV1

การดูแลที่บ้านที่สำคัญ ได้แก่

  • อยู่ในพื้นที่ปลอดฝุ่น ควัน และ PM2.5

  • รับประทานอาหารที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น อาหารโปรตีนสูง ลดอาหารแปรรูป

  • ปรับสภาพแวดล้อมบ้าน เช่น การติดเครื่องฟอกอากาศ การดูแลเรื่องอุณหภูมิ

เมื่ออยู่ที่บ้าน ควรดูแลผู้สูงอายุอย่างไร?

แม้บ้านจะไม่ใช่โรงพยาบาล แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เราสามารถเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็น พื้นที่ฟื้นฟูสุขภาพทางเดินหายใจ สำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้อย่างปลอดภัยและอบอุ่น

สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย COPD

ปอดของผู้สูงวัยที่มี COPD นั้นเปราะบางมากต่อมลพิษ สิ่งแวดล้อมภายในบ้านจึงควรเอื้อให้ปอดทำงานได้ดีที่สุด ดังนี้

  • ห้องต้องระบายอากาศได้ดี ไม่มีฝุ่นสะสม

  • หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุน เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำหอมสเปรย์

  • หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM2.5 ควรติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ ที่มี HEPA filter

  • อุณหภูมิห้องควรอยู่ระหว่าง 25–27 องศาเซลเซียส ไม่ชื้นหรือร้อนเกินไป

เทคนิคการจัดบ้านเพื่อลดฝุ่นและควัน

เพื่อป้องกัน exacerbation คือ การกำเริบของโรค การจัดบ้านอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มาก เช่น

  • ใช้ ผ้าม่านชนิดกันไรฝุ่น และซักผ้าปูที่นอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

  • หลีกเลี่ยงพรมหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่น

  • งดใช้ธูป เทียน หรือเตาแก๊สในพื้นที่ปิด

  • พื้นบ้านควรเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำแทนการปัดฝุ่นเพื่อลดการฟุ้งกระจาย

ความเข้าใจเรื่องอาหารที่ดีต่อระบบหายใจ

อาหารที่ผู้ป่วย COPD บริโภคสามารถส่งผลต่ออัตราการหายใจและภาระของปอดได้โดยตรง:

  • เน้น โปรตีนสูง เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อปอด เช่น ไข่ เนื้อปลา เต้าหู้

  • หลีกเลี่ยงอาหารทอดและไขมันสูง เพราะทำให้ร่างกายผลิตคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น

  • ดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้เสมหะไม่เหนียว

  • ลดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี เพื่อไม่ให้ท้องอืดและเบียดกระบังลมหายใจ

การเตรียมตัวเมื่อผู้ป่วยมีอาการกำเริบ (AE)

AE หรือ Acute Exacerbation คือ ภาวะที่อาการของ COPD กำเริบอย่างเฉียบพลัน เช่น หายใจถี่ หอบ เสมหะเปลี่ยนสีหรือเหนียวมากขึ้น ผู้ดูแลควร:

  1. สังเกตสัญญาณเตือน เช่น ไอมากขึ้น เหนื่อยแม้อยู่เฉย ๆ หรือใช้แรงน้อย

  2. วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว (SpO₂) หากต่ำกว่า 90% ต้องพบแพทย์

  3. เตรียม ยาขยายหลอดลมฉุกเฉิน หรือยาสูดพ่นที่แพทย์สั่ง

  4. ใช้เทคนิค pursed lip breathing คือ หายใจออกทางปากช้า ๆ เพื่อลดอาการหอบ

ถอดบทเรียนจากเคสจริง เมื่อแม่เริ่มหายใจไม่ออก

“แม่ของผมอายุ 74 ปี เป็นคนที่ดูแข็งแรงมาก เดินจ่ายตลาดเองทุกเช้า… จนวันหนึ่งเธอบอกว่าเหนื่อยง่ายแค่เดินขึ้นบันไดก็หอบ ต้องนั่งพักถึงจะหายใจได้”

ในช่วงแรก ครอบครัวคิดว่าเป็นเพราะ “แก่แล้วก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา” แต่เมื่ออาการ เหนื่อยง่าย หายใจถี่ และไอเรื้อรัง เป็นมากขึ้น จึงตัดสินใจพาไปพบแพทย์ และตรวจพบว่าเป็น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ระยะที่ 3 พร้อมภาวะ emphysematous คือ ถุงลมโป่งพองร่วมด้วย

“ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าโรคนี้ รักษาหายไหม คำตอบคือไม่… แต่เราช่วยให้แม่ ‘หายใจดีขึ้น’ และอยู่กับมันได้อย่างมีคุณภาพชีวิต”

ครอบครัวเริ่มศึกษาวิธี ใช้ยาขยายหลอดลม, เทคนิค pursed lip breathing คือ การหายใจออกแบบควบคุม และปรับบ้านให้ปลอดฝุ่น พร้อมใช้ออกซิเจนเสริมบางช่วงเมื่อลงบันไดหรือหลังอาบน้ำ

วิธีสื่อสารกับแพทย์ และทำแผนดูแลต่อเนื่อง

การเป็น “ญาติผู้ป่วย” ที่ดีไม่ใช่แค่ดูแลเรื่องยาเท่านั้น แต่ต้อง เป็นสะพานเชื่อมระหว่างแพทย์กับชีวิตจริงในบ้าน

สิ่งที่ควรทำในการสื่อสารกับแพทย์

  • บันทึก อาการของผู้ป่วยในแต่ละวัน เช่น เหนื่อยมากช่วงไหน หายใจเสียงดังหรือไม่

  • ถามแพทย์ถึง แนวทางป้องกัน AE (acute exacerbation) เช่น อาการกำเริบฉับพลัน

  • ขอใบแผนดูแลที่บ้าน เช่น การปรับอาหาร การออกกำลังกาย และการติดตามค่า FEV1

แผนดูแลต่อเนื่อง

  • ใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (pulse oximeter) ติดบ้าน

  • หมั่นฝึก ฟื้นฟูปอด ด้วยกายภาพบำบัด เช่น เป่าลูกโป่ง หรือเดินวันละ 15 นาที

  • วางแผนฉุกเฉิน เช่น หมอประจำบ้านเบอร์อะไร ใช้ยาฉุกเฉินชนิดใด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในผู้สูงอายุ"

1. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษาหายไหม?

ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ด้วยการใช้ ยาขยายหลอดลม, ยาสูดพ่น, การบำบัดด้วยออกซิเจน และการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดอย่างต่อเนื่อง

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) คือภาวะที่ถุงลมในปอดเสื่อมสภาพ ขยายตัวเกินปกติ ทำให้แลกเปลี่ยนอากาศไม่ได้เต็มที่ อาการมักรวมถึง เหนื่อยง่าย หายใจตื้น และ หอบเมื่อใช้แรง หากไม่ดูแลอาจเสี่ยงถึง respiratory failure ได้

โรคหืด (Asthma) มักเริ่มตั้งแต่วัยเด็กและอาการดีขึ้นเมื่อได้รับยา แต่ COPD เกิดจากการเสื่อมของหลอดลมและถุงลมแบบถาวร มักเกิดในผู้สูงอายุจากปัจจัยสะสม เช่น สูบบุหรี่หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น/ควัน

  • FEV1 ปริมาณลมที่หายใจออกได้ในวินาทีแรก

  • FVC ปริมาณลมทั้งหมดที่หายใจออกได้
    ค่าทั้งสองใช้วิเคราะห์ว่า มีภาวะหลอดลมตีบหรือไม่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้โรค COPD

AE (Acute Exacerbation) คือ ภาวะกำเริบเฉียบพลันของโรค เช่น ไอมากขึ้น หายใจถี่ เสมหะข้น หรือสีเปลี่ยน ควรรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการดังกล่าว

  • บ้านควรปลอดฝุ่น ไม่มีควัน และอากาศถ่ายเทดี

  • ติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ หากอยู่ในพื้นที่มี PM2.5

  • หลีกเลี่ยงการใช้พรมและน้ำยากลิ่นแรง

  • จัดพื้นที่ให้ผู้ป่วย เดินง่าย ปลอดภัย และสะดวกใช้อุปกรณ์ออกซิเจน

เป็นวิธีหายใจที่ช่วยลดแรงต้านของหลอดลม โดยหายใจเข้าทางจมูก แล้วหายใจออกช้า ๆ ทางปากที่เม้มไว้ เทคนิคนี้ช่วยให้ลมหายใจออกได้หมดมากขึ้น ลดการสะสมลมในปอด และทำให้หายใจสบายขึ้น

ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เช่น การวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว, ช่วยใช้อุปกรณ์ออกซิเจน, เตือนให้ใช้ยาสูดพ่นตามเวลา และเฝ้าระวังอาการ กำเริบ (AE) ที่อาจเกิดได้ตลอดเวลา

การใช้ บริการจัดส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุ กับ NeedNurseGroup จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีทีมงานที่ผ่านการอบรมด้านการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังโดยเฉพาะ มีความเข้าใจเทคนิค pursed lip breathing, การประเมินภาวะหายใจ และสามารถประสานงานกับทีมแพทย์เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้ที่ NeedNurseGroup โทร. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NeedNurse

Nicha
เมื่อคนที่คุณรักต้องการการดูแลที่ดีที่สุด แต่คุณเองก็ต้องการความสบายใจ Need ผู้ดูแล ... นึกถึง Need Nurse เพราะเราคือคำตอบของความอุ่นใจและการดูแลที่คุณวางใจได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า